แนะนำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบวิดีโอที่ทุกคนควรรู้

สวัสดีค่ะ เราพูดถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาหลายวัน วันนี้เรามาคุยเรื่องสวย ๆ งาม ๆ อย่างงานมีเดียกันบ้างนะคะ วันนี้จะพูดถึงเรื่อง Video format หรือ พวกไฟล์ mp4, mov, avi อะไรพวกนี้ ซึ่งเราเห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน และมันก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทคโนโลยี streaming ด้วย  เพราะจะต้องใช้ codec หรือประเภทของ video เพื่อให้รองรับกับโทรศัพท์และอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น SmartTV หรืออย่างจอ LCD เป็นต้นค่ะ

ในยุคนี้จะใคร ๆ ก็ตามที่ใช้อินเตอร์เน็ตคงจะต้องเคยผ่านการอัปโหลด, ดาวน์โหลด, สตรีม หรือทำงานกับวิดีโอและรูปแบบวิดีโอต่าง ๆ ณ จุดใดจุดหนึ่งในชีวิตใช่ไหมคะ ซึ่งเมื่อเราต้องจัดการกับเนื้อหาวิดีโอหรือเสียงก็จะพบว่ามีรูปแบบหลายชนิดให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะเหมาะสมกับจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจึงจะมาแนะนำสิ่งที่ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับรูปแบบวิดีโอชนิดต่าง ๆ ให้เข้าใจกันอย่างคร่าว ๆ แต่ครอบคลุมค่ะ 

Video Format

รูปแบบวิดีโอคืออะไร?

รูปแบบวิดีโอคือคอนเทนเนอร์จัดเก็บของเสียง, วิดีโอ และข้อมูลอื่น ๆ สิ่งที่อยู่ข้างในรูปแบบของวิดีโอนั้นนอกจากข้อมูลก็คือ video codec ซึ่งมีหน้าที่จัดการข้อมูล เนื่องจากขนาดของไฟล์วิดีโออาจมีขนาดใหญ่มากเมื่อวิดีโอถูกแปรเปลี่ยนจากการเผยแพร่แบบดั้งเดิมและจากรูปแบบอนาล็อกหรือแบบที่จับต้องได้เช่นฟิล์มหรือเทปมาเป็นรูปแบบดิจิตอลและสื่อออนไลน์ จึงจำเป็นจะต้องถูกจัดรูปแบบเพื่อทำการจัดเก็บและแบ่งปันในสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่า “ไฟล์ดิจิตอล”

รูปแบบไฟล์วิดีโอที่เป็นที่นิยมมากที่สุด

  • MP4 (MPEG-4) 

MP4 เป็นรูปแบบไฟล์วิดีโอที่พบเห็นได้มากที่สุดในปัจจุบัน การจัดเก็บวิดีโอ, เสียง และไฟล์ข้อมูลอื่น ๆ เกิดจากการใช้อัลกอริธึม MPEG-4 นี่เป็นรูปแบบที่ Apple ใช้ แต่ก็สามารถเล่นบนอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ Apple โดยส่วนมากได้เช่นเดียวกัน นับได้ว่าความนิยมของรูปแบบนี้เป็นเพราะความกว้างขวางแพร่หลาย นอกจากนี้ MP4 ยังสามารถให้ขนาดไฟล์ที่ต่ำได้แม้บางครั้งจะต้องแลกด้วยความคมชัดและความลึกของสี นี่เป็นตัวเลือกที่ดีในการโพสต์วิดีโอออนไลน์สำหรับมีเดียเพลเยอร์ และทำงานได้ดีสำหรับวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย

  • MOV (QuickTime Movie) 

MOV นั้นเรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามของ MP4 แม้จะใช้เทคโนโลยี encoding MPEG-4 เช่นเดียวกัน เพราะรูปแบบนี้จัดเก็บวิดีโอ, เสียง, กราฟฟิก และเอฟเฟกต์ที่คุณภาพสูง จึงหมายความว่าไฟล์สามารถมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ถูกใช้โดย Apple เนื่องจากถูกพัฒนามาสำหรับ QuickTime Player ของ Apple

  • WMV (Windows Media Viewer) 

WMV ถูกพัฒนาโดย Microsoft สำหรับ Windows Media Player รูปแบบนี้ทำให้วิดีโอมีคุณภาพที่สูงแลกกับขนาดที่ใหญ่เช่นเดียวกับ MOV โดยสิ่งที่รับรองรูปแบบนี้ได้คืออุปกรณ์ Apple, โซเชียลมีเดียและ consumer video site ต่างๆ อย่างยูทูบ แต่สำหรับ Apple เราจำเป็นจะต้องใช้ Windows Media Player ในการเล่น

  • AVI (Audio Video Interleave)

AVI ทำงานได้กับเกือบทุกเว็บบราวเซอร์บน Windows, Mac OS รวมไปถึง Linux ซึ่งนี่เป็นรูปแบบการรับชมทีวีที่ดี เนื่องจากวิดีโอจะมีคุณภาพสูง แต่ขนาดไฟล์ก็ใหญ่ด้วย

  • AVCHD (Advanced Video Coding High Definition)

AVCHD ถูกสร้างขึ้นสำหรับ digital camcorder ของ Panasonic และ Sony และมีขึ้นเพื่อวิดีโอความละเอียดสูงโดยเฉพาะ ไฟล์ AVCHD บีบอัดเพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บโดยไม่ต้องเสียความละเอียดสูงนั้นไป

  • FLV (including F4V, SWF)

นี่คือรูปแบบวิดีโอ Flash ซึ่งแม้ Adobe Flash Player จะถึง end of life ไปแล้วในช่วงปลายปี 2020 เทคโนโลยี Flash บางตัวก็ยังใช้งานได้ในฐานะส่วนหนึ่งของ streaming workflow อย่างไรก็ตาม รูปแบบวิดีโอนี้ล้าสมัยขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นหากเราต้องการจะใช้วิดีโอนั้น ๆ ก็จำเป็นจะต้องแปลงเป็นรูปแบบอื่นก่อน

  • MKV (Matroska Media Container)

MKV คือรูปแบบวิดีโอ open-source ที่ถูกพัฒนาขึ้นในรัสเซีย ซึ่งสามารถรับรองเกือบทุก codec แต่หลายแอปพลิเคชันยังคงไม่รับรองรูปแบบนี้ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการดูวิดีโอบนทีวีหรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตัวเล่น open-source อย่าง VLC

  • HTML5 / WEBM

HTML5 ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการแสดงวิดีโอบนเว็บแทนที่ Adobe Flash ไปแล้ว เนื่องจากเป็นรูปแบบ video playback ชนิดเดียวที่ถูกรับรองอย่างกว้างขวางในบราวเซอร์สมัยใหม่ สำหรับวิดีโอที่ embedded ภายในเว็บไซต์แล้ว HTML5 หรือ รูปแบบวิดีโอ WEBM นั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ด้วยเป็นไฟล์ที่รูปแบบเล็ก ทำให้โหลดได้อย่างรวดเร็วและสตรีมได้อย่างง่ายดาย

  • MPEG-2

MPEG-2 เป็นรูปแบบวิดีโอที่เก่า อย่างไรก็ตาม มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรฐาน และยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับการออกอากาศทางโทรทัศน์แบบ over-the-air และเพื่อเป็นมาตรฐานของวิดีโอ DVD  ถ้าต้องการสร้าง DVD เพื่อเล่นวิดีโอ ก็สามารถใช้ MPEG-2 ที่ใช้ H.262 codec

เราจะเลือกรูปแบบวิดีโอที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างไร?

รูปแบบที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับ use case ของเรา ซึ่งเราควรหาข้อมูลให้พร้อมว่าตนเองต้องการอะไร ขนาดไฟล์ใหญ่หรือเล็ก ความคมชัดสูงหรือต่ำ จะใช้ endpoint player ชนิดไหน เป็นต้น

พารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดสำหรับไฟล์วิดีโอคืออะไร?

อันที่จริงเมื่อพูดถึงเรื่องรูปแบบวิดีโอแล้ว เราไม่สามารถพูดได้ว่ามีพารามิเตอร์ที่ไม่สำคัญ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ Bitrate และความคมชัดของวิดีโอ หรือคือคุณภาพของวิดีโอ, เสียง และ video codec ซึ่งพารามิเตอร์ของรูปแบบวิดีโอเหล่านี้จะช่วยให้คุณโฟกัสได้ว่ารูปแบบนั้น ๆ จะเป็นประโยชน์กับสิ่งที่คุณต้องการหรือไม่

video encoding คืออะไร?

video encoding เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการใส่ข้อมูล (เช่น รูปภาพหรือเสียง เป็นต้น) ลงในรูปแบบวิดีโอดิจิตอล ซึ่งคือการแปลงขั้นแรกให้วิดีโอกลายเป็นรูปแบบดิจิตอลที่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใช้ได้ ซึ่งหลาย ๆ ครั้ง ขนาดของไฟล์วิดีโอจะถูกลดลงผ่านการบีบอัดเพื่อทำให้การจัดเก็บและการแบ่งปันไฟล์ง่ายขึ้น

ฟีเจอร์สำคัญของ encoding คือ codec เพราะคือสิ่งที่ใช้ encode, บีบอัด และแปลงไฟล์

video codec คืออะไร?

video codec ย่อมาจาก “encoder-decoder” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการบีบอัดวิดีโอ encoder และ decoder ทำงานร่วมกันเพื่อให้ขนาดของวิดีโอสามารถถูกจัดการและแบ่งปันได้ง่ายขึ้น โดย encoder ทำหน้าที่บีบอัดไฟล์ และ decoder เตรียมวิดีโอให้เราสามารถรับชมได้หลังจากผ่านการบีบอัดมาแล้ว หมายความว่าวิดีโอจะถูก decompress หรือ decode เป็นรูปแบบวิดีโอใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ 

การบีบอัดวิดีโอคืออะไร?

วีดีโอที่ไม่ถูกบีบอัดหมายความว่าข้อมูลมีจำนวนมหาศาล การบีบอัดจึงเป็นการลด bit ทั้งหมดที่ถูกใช้ในวิดีโอนั้น ๆ ทำให้ขนาดไฟล์ลดลง ซึ่ง codec ทำงานในฐานะส่วนหนึ่งของการบีบอัดโดยใช้อัลกอริธึมเพื่อกำหนดวิธีที่ดีที่สุดในการลดขนาดในขณะที่ยังรักษาทุกอย่างไว้ ทำให้คุณภาพของวิดีโอยังคงเหมือนเดิม ไม่ถูกเปลี่ยนแปลง

Video Encoder

การ export วิดีโอและแปลงรูปแบบไฟล์วิดีโอ ทำได้อย่างไร? 

video converters ออนไลน์นั้นมีมากมายให้เราเลือกใช้ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งจะใช้แบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับ workflow ของเรา แต่หากใช้แอปพลิเคชันตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพอย่าง Avid Media Composer หรือ Adobe Premiere ก็มักจะมีแอปพลิเคชันหรือฟังก์ชัน media encoder อยู่แล้วในซอฟต์แวร์นั้น ๆ

  1. สร้างและดาวน์โหลดวิดีโอซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้โทรศัพท์หรือเว็บแคมอัดคลิป หรือ export วิดีโอในรูปแบบ AVCHD หรือ RAW จากกล้องระดับไฮเอนด์มายังคอมพิวเตอร์
  2. ตัดต่อวิดีโอ ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้โปรแกรมตัดต่อวิดีโอเฉพาะทางอย่างโปรแกรมต่างๆ ที่กล่าวถึงก่อนหน้าที่เสมอไป ยังมีตัวเลือกฟรีและออนไลน์อีกมากมาย หรืออาจจะใช้ video portal คุณภาพสูงที่มีฟังก์ชันตัดต่อในตัว
  3. เลือกรูปแบบไฟล์ชนิดใหม่ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ในการใช้วิดีโอของเราในเครื่องมือตัดต่อหรือแปลงวิดีโอ ซึ่งนี่จะเป็นคอนเทนเนอร์ของข้อมูลวิดีโอนั้น 
  4. เลือกขนาดไฟล์สำหรับวิดีโอรูปแบบใหม่นี้
  5. export คลิปในรูปแบบใดก็ตามที่เลือกไว้ (MP4, MOV เป็นต้น) ซึ่งแต่ละเครื่องมือจะมีวิธีการทำแตกต่างกันไปแต่แอปพลิเคชันส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบชนิด video in-video out อย่างตรงไปตรงมาและทำเครื่องหมายปุ่มหรือเมนู “EXPORT” ไว้อย่างชัดเจน และแอปพลิเคชันตัดต่อและ media encoder ต่าง ๆ จะมี preset ไว้เพื่อ export ด้วยการตั้งค่าที่ดีเยี่ยม
Video Streaming

สรุป

โดยรวมแล้ว ความสมดุลของคุณภาพของคอนเทนต์และความง่ายของการใช้งานที่เราต้องการ หรือชนิดของ use case ที่เราวางแผนไว้สำหรับวิดีโอขั้นสุดท้าย (เช่น การ burn ลง DVD และการโพสต์ลงโซเชียลมีเดียจะต้องใช้รูปแบบที่ต่างกันมาก) จะเป็นสิ่งที่กำหนดรูปแบบวิดีโอที่เหมาะสมกับเราค่ะ

และเครื่องมือวิดีโอ, การใช้วิดีโอออนไลน์ในชีวิตประจำวันของผู้คน และอุตสาหกรรมการสร้างเนื้อหาวิดีโอนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดหย่อน ดังนั้นเราจึงควรคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อยู่เสมอเพื่อตัวคุณเองนะคะ

About Author